พระคาร์ดินัล JoaoBraz de Aviz  สมณมนตรี สมณกระทรวงสถาบันนักพรต (ชีวิตที่ถวายแล้วแด่พระเจ้า) ได้กล่าวแก่นักบวชในวันนักบวชสากลว่า "เมื่อท่านละทิ้งทุกสิ่ง ท่านก็มีมากกว่าเดิม"

 



วันฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหารนั้น พระศาสนจักรก็ฉลองวันนักบวชสากล ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ทรงตั้งขึ้น เราต้องการไตร่ตรองอะไรในวันนี้ ในประสบการณ์ของคริสตชน การเดินตามพระคริสตเจ้าเป็นหนทางของผู้รับศีลล้างบาป (คริสตชน) ทุกคน ส่วนชีวิตของผู้ถวายตัวนั้นเป็นการเรียกพิเศษ ในความหมายที่ว่า มันไม่ใช่คำสั่งให้ทำ มีคนบางคนที่เพื่อติดตามพระคริสต์ เขาสละทุกสิ่งและดำรงชีวิตในความยากจน อีกมิติหนึ่งคือถือศีลพรหมจรรย์ ไม่ใช่เพราะการแต่งงานไม่ดี แต่เขาเห็นว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าการแต่งงาน เขาเลียนแบบพระคริสต์ที่ติดตามพระบิดา และพระแม่มารีย์ซึ่งถือพรหมจรรย์

ส่วนเรื่องความนอบน้อมนั้น เขาเลือกที่จะนบนอบพระเจ้า โดยยอมรับอำนาจของมนุษย์ที่พระเจ้าดลใจ เป็นทางเฉพาะของผู้ถวายตน ที่ไหนที่มีชุมชนเกิดขึ้น ที่นั่นจะมีผู้ถวายตน ซึ่งมีมาตั้งแต่แรกเริ่มของพระศาสนจักรสิ่งที่จำเป็นเวลานี้คือ กลับไปสู่ความสวยงามของอดีต คือผู้ตั้งคณะ ที่เป็นพยานแสดงให้เห็นว่า เราจะติดตามพระเจ้าได้อย่างเต็มที่ได้อย่างไร

 

 



หลังจาก 50 ปี ที่มีเอกสารว่าด้วยการปรับปรุงและฟื้นฟูชีวิตนักบวช (Perfectae Caritatis) เพื่อรื้อฟื้นชีวิตนักบวชใหม่อีกครั้งหนึ่ง มีผลอะไรและเดินทางไปทางไหน

สังคายนาวาติกันที่ 2 เป็นช่วงสำคัญที่ไตร่ตรองและพัฒนาชีวิตของผู้ถวายตน เอกสาร Perfectae Caritatis ให้อะไรมากมาย เป็นการเรียกร้องของพระศาสนจักรให้ครอบครัวนักบวชสนใจที่จะทำให้ธรรมนูญและกฎเกณฑ์ของนักบวชทันสมัย

บัดนี้ 50 ปี ผ่านพ้นไปแล้ว ถึงเวลาที่จะมาดูความดั่งเดิมของการเป็นพยายน ต้องช่วยกันเดินไปด้วยกัน และดำรงชีวิตเข้มข้นขึ้น
บรรดาพระสันตะปาปาบอกเราให้ค้นหามิติ 2 อย่างของพระศาสนจักรนั่นคือ ด้านการเป็นประกาศก และพรพิเศษ

 

 



พรพิเศษและการเป็นประกาศกไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับศาสนบริการ ซึ่งแยกแยะพระพรพิเศษ หลังจากที่รู้และรักพระพรพิเศษนี้

ในโลกที่ไม่มีการนับถือพระเจ้ามีมากขึ้น เสียงของผู้ถวายตัวคือแสดงให้เขาเป็นประสบการณ์กับพระเจ้าเราต้องถามว่า พระเจ้าทำให้เรามีความสุขจริงหรือ หรือ เรามีแหล่งความสุขที่อื่น หรือข้าพเจ้ามีบุคคลอื่นหรือทางอื่นที่ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข นี่คือการท้าทายเพราะการพูดจากเฉย ๆไม่เพียงพอความจริงที่เกี่ยวกับตัวเรา  พระเจ้าไม่สร้างเรามาเพื่อช่วยเหลือผู้มีปัญหาทางฝ่ายกายเท่านั้น เราต้องแสดงถึงเอกลักษณ์และตัวอย่างในการติดตามพระเจ้า ถ้าเราไม่มีเอกลักษณ์ เราก็ไม่สามารถแสดงให้คนอื่นเห็นได้

 

 

 


ยังมีกระแสเรียกอีกแบบหนึ่ง คือ ฆราวาสที่ถวายตัวแด่พระเจ้าโดยถือศีลพรหมจรรย์ ยากจนและนบนอบไม่ดำรงชีวิตเป็นหมู่คณะเหมือนนักบวชชาย หญิง แต่ดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางชุมขน สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้รับรองกระแสเรียกแบบนี้ เป็นกระแสเรียกที่สวยงามอีกแบบหนึ่ง เขาดำรงชีวิตแบบเงียบ ๆ หลายคนไม่รู้ว่า เขาเป็นผู้ถวายตน พระสังฆราชเท่านั้นรับรู้และสนับสนุนเขาอยู่
พระสันตะปาปา ตรัสแก่นักบวช

ในความยินดีและความทุกข์ทรมานในปัจจุบันนี้ อย่าสงสัยเลยว่า การที่พระคริสต์ถอดพระองค์เองเป็นชัยชนะแห่งปัสกาแล้ว ปีนี้วันฉลองนักบวชสากลครั้งที่ 17 พระสันตะปาปาทรงเชิญชวนให้นักบวชทั้งชายและหญิงหล่อเลี้ยงความเชื่อและอย่าเชื่อพวกที่บอกว่า ชีวิตนักบวชถึงจุดจบแล้วหรือไม่เห็นคุณค่าของชีวิตนักบวชอีกในบางประเทศในยุโรปในปัจจุบันนี้

ความรอดที่พระคริสต์นำมาให้ประชากรของพระองค์ผ่านความตายอย่างทารุณซึ่งพระองค์ได้ชัยชนะมาแล้ว เราดูพระคริสต์สงฆ์สูงสุด ที่ยอมรับทรมานด้วยพระองค์เอง เพื่อช่วยคนที่ต้องถูกทดลอง

ความยินดีของนักบวชจำเป็นต้องเดินผ่านการมีส่วนร่วมในกางเขนของพระคริสต์ ดังพระแม่มารีย์ ซึ่งได้รับการทำนายว่าจะมีดาบทิ่มดวงใจ

ความทรมานทางใจของแม่พระเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตรพระเจ้า ผ่านทางความรัก จากบาดแผลของพระองค์มีแสงสว่างออกมา และจากการทรมาน การบูชายัญ การอุทิศพระองค์เอง นักบวชดำรงชีวิตอยู่เพื่อเห็นแก่ความรักของพระเจ้า และคนอื่น ก็จะมีแสงสว่างออกมาและประกาศข่าวดีแก่คนต่างศาสนา

พระสันตะปาปาทรงเตือนนักบวช 3 อย่างคือ ให้หล่อเลี้ยงความเชื่อ รำลึกถึงความรักที่พระคริสต์ได้จุดไฟเผาดวงใจของเขา จากการพบกับพระองคืครั้งนั้นในการเฝ้าศีล ท่านจึงได้ละทิ้งทุกอย่างเพื่ออยู่กับพระองค์ และเลียนแบบอย่างพระองค์ในการรับใช้พระองค์ในเพื่อนมนุษย์ในความยินดีและความทุกข์ยากในโลกปัจจุบันนี้ เมื่อความยากลำบากและน้ำหนักไม้กางเขนทำให้รู้สึกหนัก อย่าสงสัยเลยว่า การถ่อมองค์ลงของพระคริสต์เป็นชัยชนะแห่งปัสกา


ในโลกที่เน้นหนักในความสำเร็จและความสัมฤทธิผล ชีวิตของท่านถูกสะกิดจากความอ่อนแอของผู้ต่ำต้อย จากการเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้ไม่มีเสียง เป็นเครื่องหมายแห่งความขัดแย้ง

ในที่สุดเราขอเชิญท่านให้รื้อฟื้นความเชื่อที่ทำให้ท่านเป็นผู้แสวงบุญไปสู่อนาคต ชีวิตนักบวชเป็นการแสวงบุญไปสู่การพบปะกับพระองค์ ในบางครั้งพระองค์เผยแสดงให้เราเห็นและบางครั้งซ่อนเร้นอยู่สิ่งนี้เป็นความปรารถนาที่คงอยู่ในหัวใจในการก้าวย่างเล็ก ๆ ประจำวัน และในการตัดสนิใจที่สำคัญ ๆ ของเรา ดังที่นักบุญเปาโลบอกเรา “จงสวมใส่พระคริสต์ จงสวมใส่อาวุธแห่งแสงสว่าง ให้เราตื่นเฝ้าอยู่เสมอ”

พระวรสารวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า “แม่พระและนักบุญโยเซฟได้กระทำตามที่กฎบัญญัติกำหนดหลังจากลูกชายหัวปี สำหรับผู้หญิง หลัง 40 วันก็ถือตามจารีตและถวายบูชายัญ 2 อย่าง ถ้ายากจนก็ถวายนกเขาหรือนกพิราบ 2 ตัว และตามกฎโมเสส บุตรหัวปีเป็นของพระเจ้าต้องไถ่ด้วยเงิน 5 เหรียญ ท่านทั้ง 2 ตั้งใจจะกระทำสิ่งนี้ที่เยรูซาเล็ม เหตุการณ์สำคัญนี้คือการถวายพระกุมารแด่พระบิดาผู้ทรงส่งพระองค์มาบังเกิด พระกุมารเยซูที่ถวายนี้เองเป็นเครื่องบูชา และเป็นสงฆ์สูงสุดของพระสัญญาใหม่

 

 

 



ไฟที่ถือหมายถึงความสวยงามของชีวิตถวายตัว และเลียนแบบพระแม่มารีย์ เราอุ้มแสงสว่างเข้าวัด พระองค์มาเพื่อทำลายความมืดด้วยความรัก ในตัวท่านนั้นหล่ะที่ข่าวดี เป็นข่าวที่คนอื่นเห็นได้ มีการเป็นพยายน ประกาศ และส่องแสงเหมือนพระวาจาแห่งความจริง ขอให้ท่านติดตามพระคริสต์อย่างซื่อสัตย์ในความยากจน ความบริสุทธิ์ และความนบนอบ


: ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสารคาทอลิกรายสัปดาห์ ปีที่ 38 ประจำวันที่ 9-15 มีนาคม 2014