"สหพันธ์นักบุญ...สหพันธ์รักกางเขน"

 

ฉันย้อนกลับไปสู่ความคิดที่..เตลิด..เปิด..เปิง..ของตัวเอง ในช่วงวันศุกร์ – วันอาทิตย์ที่ ๒ – ๔ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สัปดาห์แห่งการเดินทางกลับไปเยี่ยมบรรพบุรุษผู้ล่วงลับที่สุสาน เพราะเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนที่ผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นเจ้าภาพ พระศาสนจักรยกเดือนนี้ทั้งเดือนให้กับ ลูกหลาน เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีให้บรรพบุรุษของตนผู้จากไป..

ฉันเองตั้งใจว่าจะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับงานที่คั่งค้าง แต่เพื่อนสมาชิกในบ้านได้ชักชวนให้ไปร่วมมิสซาปลงศพของ ทิพาพร หรือ ติ๋ม ในวันเสาร์ที่ ๓ พฤศจิกายน เวลา ๑๖.๐๐ น. ฉันไม่ลังเลใจที่จะรับคำชวน ในการไปวัดหัวไผ่....เพื่อส่งติ๋มกลับบ้าน

 

  • พวกเราต่างก็รู้จักติ๋มกัน มากบ้างน้อยบ้าง ติ๋มได้หายออกจากแวดวงรักกางเขนของเราไปในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ด้วยประโยคที่คุณพ่อเสกสม กิจมงคล ประธานในพิธีมิสซาปลงศพ เอ่ยทักผู้ไปร่วมพิธีมิสซาปลงศพว่า ซิสเตอร์คณะรักกางเขน แห่ง จันทบุรี มาร่วมมิสซากับมากเป็นพิเศษ เพราะติ๋มผู้ล่วงลับ เคยเป็นศิษย์เก่าฟาติมา (ซึ่งที่จริงแล้ว...ติ๋ม ได้สมัครเป็นสมาชิกฆราวาสรักกางเขน แล้วด้วยซ้ำไป)
  • จริงซินะ ติ๋มเคยเป็นซิสเตอร์ในคณะรักกางเขนของเรา ติ๋มเคยเป็นศิษย์เก่าฟาติมา และติ๋มได้เป็นฆราวาสรักกางเขน แต่ปัจจุบันนี้ ติ๋มก็ได้กลายเป็นสมาชิกของสหพันธ์นักบุญอย่างถาวร ติ๋มเคยมีบัตรสมาชิกชั่วคราวหลายใบจังเลย แต่วันนี้ บัตรชั่วคราวเหล่านั้นได้หมดอายุลง ติ๋มไม่ต้องใช้บัตรชั่วคราวอะไรอีก เพราะติ๋มมีบัตรสมาชิกถาวรในสวรรค์แล้ว
  • ฉันสงสัยจริงๆ เลยว่า สมาชิกของสหพันธ์นักบุญของทั้งมนุษย์ผู้เป็น คนตายผู้ล่วงลับ และชาวสวรรค์บนชั้นฟ้า สถิติของกลุ่มไหนจะมากน้อยกว่ากันเท่าใด ดูเหมือนว่า คนเป็นบนโลกนี้จะอยู่ในสภาพการณ์ที่สูญเสียสมาชิกไป ยิ่งวัน ยิ่งมากขึ้น ส่วนกลุ่มผู้ล่วงลับก็คงมีตัวเลขขึ้นๆ ลงๆ เพราะเป็นแบบ มาแล้วไป มาแล้วไป และบนสวรรค์ล่ะ สมาชิกจะล้น...จนแน่นหรือเปล่า เพราะมีแต่มาเพิ่ม ไม่มีจากไปที่อื่นอีก แล้วไหนจะยังกลุ่มทูตสวรรค์ของพระเจ้าอีก องค์พระบิดาเจ้าจะจัดสรรกับสหพันธ์นักบุญของพระองค์อย่างไร ???
  • เมื่อก่อน สมัยที่ฉันยังเป็นผู้ฝึกหัด ทุกๆ เดือนที่เราเข้าเงียบกัน เราก็จะสวดให้กับผู้ที่จะตายก่อนในพวกเรา พอโตขึ้นมา ฉันก็มีบทสวด ที่สวดประจำว่า...ให้ฉันตายในศีลในพรของพระ ระยะหลังมานี้ ฉันเปลี่ยนบทภาวนาว่า...ขอให้ได้มีบุญตายในอาราม ตายในเครื่องแบบนักบวช มาวันนี้ ฉันขอเพิ่มเติมข้อแม้อีกสักประการหนึ่ง คือ ณ วันที่ฉันสิ้นลมหายใจ...ร่างไม่มีวิญญาณของฉันน่าจะเย็นฉ่ำ ขอรบกวนสมาชิกผู้อยู่เบื้องหลัง ช่วยจัดฉันให้นอนในโลงศพที่เสียบไฟฟ้าได้ ให้เย็นๆ หน่อย (โลงศพ....แบบที่หลายวัดเริ่มใช้กัน) เพราะฉันเป็นคนขี้ร้อนอย่างหาตัวจับยากทีเดียว..

 

ฉันยังมีความคิดที่เตลิด-เปิด-เปิง อีกหลายอย่างเกิดขึ้น ในช่วงวันของผู้เป็นและผู้ตาย ฉันคิดว่า...มันเป็นไปได้กับโลกโลกาภิวัตน์ ที่เค้าว่ากันว่า โลกเราเล็กลง โลกเราแคบลง เพราะการสื่อสารที่ทันสมัย ติดต่อกันได้ง่าย อะไรๆ ก็ถึงกันได้อย่างรวดเร็ว แล้ววันนี้ ...โลกโลกาภิวัตน์ ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เป็นและผู้ตาย วัดวาเปิดโอกาสให้สมาชิกสามภพ ได้พบกันง่ายขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น จัดช่วงเวลาให้ยาวขึ้น วัดต่างๆ อำนวยความสะกวดให้กับสัตบุรุษคนเป็น วัดจัดสรรหลายอย่างเอาใจบรรดาผู้ล่วงลับ (ทำความสะอาดหลุมศพ จัดดอกไม้ จัดเทียน ตั้งเต็นท์ เปิดเพลงศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ) ทางวัดจัดงานพบปะกันระหว่างสัตบุรุษผู้เป็นกับบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ทั้งในวัด ที่สุสาน นั่งล้อมวงข้างหลุมฝังศพ ลูกหลานพบปะกับญาติมิตรและบรรพบุรุษที่ล่วงลับ คล้ายวันพบญาติ วันชุมนุมญาติ วันครอบครัว ใครอยู่ห่างไกลขนาดไหน ก็ต้องพากันมา...ใกล้ชิดกันซะขนาดนี้ โลกาภิวัตน์ – สหพันธ์นักบุญ – สหพันธ์รักกางเขน เที่ยงแท้ทีเดียวค่ะ ใครเห็นด้วย ยกมือขึ้นนะคะ

 

--กลับสู่ "บทความ..เก็บตกชีวิต"--