ภารกิจ หน้าที่ ในงานธรรมทูตที่ได้รับมอบหมายจากคณะ  ชีวิตการปฏิบัติภารกิจประจำวัน

คุณแม่และคณะที่ปรึกษา  อนุญาตให้มาเป็นผู้ร่วมงานธรรมทูตไทย ได้เริ่มชีวิตการทำงานธรรมทูตตั้งแต่ปี 2552 ที่อำเภอเชียงของ  จังหวัดชียงราย ในหน้าที่ดูแลด้านการศึกษา  อบรม แก่เด็กเล็ก บนดอยกิ่งกาญจน์ และเยี่ยมเยียนชาวบ้านมุ้งและมูเซอ  ปัจจุบันทำหน้าที่ดูแลเด็กชาวอาข่าและเย้าที่ศูนย์คาทอลิกแม่จัน บ้านที่พักจะอยู่ที่บ้านห้วยน้ำราก ไปทางเชียงแส

ขณะนี้รับผิดชอบดูแลเด็กๆยากจนชาวอาข่าและเย้า 57 คนระดับประถม 46 คน มัธยม 11 คน การทำงานจะยึดจิตตารมย์ของคณะรักกางเขน(เพราะเราเป็นรักกางเขน)  แต่ในขณะเดียวกันก็ควบคู่ไปกับจิตตารมณ์ของคณะธรรมทูตไทยด้วย ซึ่งสอดคล้องกันทั้งสอง บ้านที่พักปัจจุบันได้รับความอนุเคราะห์จากคุณนันทิยา(เจ๊ฮุย)  วรรณชัยวงศ์ ที่ให้เราได้อยู่ฟรีเป็นเวลา 5 ปี บ้านมีชื่อว่า “บ้านมารีพิทักษ์  แม่จัน”

ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน

ชีวิตการทำงานคล้ายการดูเด็กประจำทั่วไป แต่พิเศษตรงที่เขาได้รับมากกว่าเด็กประจำ  ทุกเช้าเด็กจะเริ่มด้วยการภาวนา  สมาธิ ข้อคิดจากพระวาจา การทำหน้าที่ประจำวัน ทานอาหาร  เตรียมตัวเขาไปโรงเรียน  รับเขาตอนเลิกเรียน  ดูแลการบ้าน สอนพิเศษ  ฝึกมารยาทขั้นพื้นฐาน  สอนทุกเรื่องที่เขาควรจะได้รับ ทำสวนครัว ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬา แต่ที่ไม่เหมือนเด็กประจำคือได้สอนคำสอนเขา  กิจกรรมคาทอลิก แบ่งปันพระวาจา สวดพระเมตตาวันศุกร์  สวดสายประคำวันเสาร์ การเยี่ยมชาวบ้านเป็นต้นผู้สูงอายุ การปลูกฝังความเชื่อแต่มีอิสระในการตัดสินใจ   เวลาที่เด็กไปโรงเรียน  ซิสเตอร์ก็มีกิจกรรมประจำวัน คือสวดภาวนา  เยี่ยมเยียนไปพูดคุยกับชาวบ้าน  ดูแลบ้านที่อยู่ บางครั้งก็ไปสังสรรค์กับเด็กนักเรียนและครูในโรงเรียนที่เด็กของเราไปเรียน  เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้านพัก  ก็จะใช้ประสบการณ์จากการเป็นครูและกิจกรรมคาทอลิกที่เคยรับผิดชอบในอดีต  นำมาใช้กับเด็กๆด้วย   สลับกันไป

พลังแห่งชีวิตธรรมทูต  ในการปฏิบัติหน้าที่

มีสองอย่างที่สำคัญคือ พลังจากแหล่งที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้คือ จากองค์พระเยซูเจ้าและที่มองเห็นได้คือจากคุณแม่      สมาชิกในคณะรวมทั้งบุคคลที่อยู่รอบข้าง และคุณพ่ออธิการคณะธรรมทูตไทยคือคุณพ่ออาดรีอาโน

แหล่งพลังแห่งชีวิตธรรมทูตทั้งสองนั้น ได้มาจากการสวดภาวนา อันนี้จะทิ้งไม่ได้เลย ในหน้าที่นั้น การสวดอาจไม่ตรงเวลาแต่จะต้องไม่ขาดในวันนั้นๆ  บ้านที่พักอยู่ไกลวัด ไม่มีศีลมหาสนิท  แต่ก็ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้าทุกวันในงานที่ทำ  พลังในการทำงานยังได้จากการเข้าเงียบประจำเดือนกับเพื่อนสมาชิกของคณะ และการพบปะกันระหว่างสมาชิกคณะธรรมทูตไทยในภาคเหนือ  การได้พูดคุย  เห็นหน้ากัน  คำพูดที่ดีและน้ำใจของคนรอบข้างที่มีให้   คุณแม่โรสริน ศรีไพรและคุณพ่ออาดรีอาโนที่ให้กำลังใจเสมอๆ  เข้าใจงานที่ซิสเตอร์ทำและติดตามดูแลเอาใจใส่ตลอด  มาเยี่ยมให้กำลังใจทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง  และทั้งหมดนั้นก็คือ พลังรักนั่นเอง...

อุปสรรค  ปัญหาที่พบ  วิธีแก้ไข

ไม่เชิงเป็นปัญหาหรืออุปสรรค  นั้นก็คือเรื่องภาษา และวัฒนธรรม เด็กที่มาอยู่ใหม่ จะไม่ค่อยเข้าใจ ในเรื่องระเบียบ  ตารางเวลา  วินัย  มรรยาทขั้นพื้นฐาน  ต้องให้เวลา  เข้าใจเขา  ใช้ความอดทน  อดกลั้น  ใจเย็น เรียนรู้เขารู้เรา ค่อยเป็นค่อยไปให้เขาเข้าใจวัฒนธรรมสากล  ตัวเราก็ต้องปรับด้วยเพื่อให้เข้ากับเขาได้(บางครั้งเราก็มีหลุดเหมือนกัน)  เหนือสิ่งอื่นใดต้องรักเขา  จากประสบการณ์ที่อยู่กับเขา  เรารู้ว่ารักชนะทุกสิ่ง เหมือนที่ท่านเปาโลสอนไว้จริงๆ

การนำคุณค่าพระวรสารลงสู่งานธรรมทูต

“ใครต้อนรับเด็กในนามของเรา ก็เท่ากับต้อนรับเรา” พระวรสารคือพระเยซูเจ้าองค์จริง ในชีวิตการทำงานก็ได้ทำตามพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่สอน  ไม่ว่าจะเป็นการทำให้และสอนเขาในเรื่องการอาบน้ำ  ซักผ้า  ทำแผล  รักษาเขาในเวลาเขาป่วย เจ็บ  เล่นกับเขา  ปลอบโยน  บรรเทาใจแก้ไขปัญหาให้เขา แม้แต่กับครอบครัวของเขาด้วย ฯลฯ พยายามจัดหาสิ่งดีๆที่จำเป็นให้เขา  เพิ่มเติมในสิ่งที่เขาขาด  จนบางครั้งเราต้องยอมหน้าชาในการขอความอนุเคราะห์(บ่อย)จากคนที่สามารถแบ่งปันได้  และจากการทำงานธรรมทูตนี้เองทำให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนเลยว่า  การเป็นข้ารับใช้ของข้ารับใช้เป็นอย่างไร  แม้จะยากลำบากแต่มีความสุขที่ได้ทำงานตรงนี้

ความตั้งใจต่อภารกิจสำคัญที่ได้รับนี้ 

เวลานี้มีความภูมิใจและสุขใจมาก ที่ได้ทำงานตามรอยท่านพ่อผู้ตั้งคณะรักกางเขนคือฯพณฯลัมแบรต์ เดอ ลา ม็อต ธรรมทูตที่ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินสยาม
                ความตั้งใจในวันนั้น  วันที่รับหน้าที่เป็นผู้ร่วมงานธรรมทูตไทยเป็นอย่างไร  ถึงวันนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนเลย  จะอุทิศตนทุ่มเททั้งกายและใจเต็มร้อยเพื่อเจริญรอยตามองค์พระคริสต์ในงานธรรมทูต  เหนื่อยก็หาย ไม่มีเวลาเหงา (มักมีคนถามเสมอเพราะมีซิสเตอร์ 1คนไม่มีคู่)    ชีวิตธรรมทูตเป็นชีวิตที่ท้าทาย  ตื่นตัวเสมอ  วันเวลาที่ผ่านมา ในการทำงานและอยู่ร่วมกับพี่น้องและเด็กๆชนเผ่า ไม่ใช่ว่าเราเป็นผู้ให้อย่างเดียว แต่ซิสเตอร์ได้รับสิ่งดีๆจากชีวิตที่ซื่อๆ ใสๆ เรียบง่ายของเขา   ที่สามารถเติมในชีวิตจิตของซิสเตอร์ได้มากมาย เป็นต้น  “ความเชื่อและความรักขององค์พระเยซูเจ้าที่สัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน”

"มาสิ มาลองสัมผัสชีวิตธรรมทูต  แล้วจะรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่ในสวรรค์เท่านั้น"

 

- กลับสู่ ปลายปากกา..สมาชิก -