"ความเที่ยงธรรมของพระเจ้า..อยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ"
โยบตอบว่า “จริงอยู่ ข้าพเจ้ารู้อย่างที่ท่านพูดว่า คนเราจะเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร ถ้าผู้ใดปรารถนาจะโต้เถียงกับพระองค์ในหนึ่งพันครั้ง..ผู้นั้นก็ตอบพระองค์ไม่ได้สักครั้งเดียว พระองค์ทรงพระปรีชา รู้ทุกสิ่ง ทรงพระอานุภาพทำได้ทุกอย่าง ผู้ใดเล่า..ต่อต้านพระองค์แล้วรอดชีวิตอยู่ได้ พระองค์ทรงเคลื่อนย้ายภูเขาโดยที่ภูเขาไม่รู้ตัว เมื่อพระองค์กริ้ว ก็ทรงทำให้ภูเขาปั่นป่วน ทรงขยับแผ่นดินออกจากที่ และเสาของแผ่นดินก็สั่นสะเทือน ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น ทรงปิดผนึกดวงดาวไว้ไม่ให้ส่องแสง ทรงขึงท้องฟ้าแต่ลำพังพระองค์ ทรงพระดำเนินบนคลื่นของทะเล ทรงเนรมิตสร้างดาวจระเข้และดาวไถ ดาวลูกไก่และกลุ่มดาวทิศใต้ ทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ทรงทำการอัศจรรย์นับไม่ถ้วน ดูซิ..พระองค์ทรงผ่านมาใกล้ๆ แต่ข้าพเจ้ามองไม่เห็นพระองค์ พระองค์ทรงจากไป ข้าพเจ้าก็ไม่สังเกตเห็น ถ้าพระองค์ทรงหยิบฉวยสิ่งใด ใครจะขัดขวางพระองค์ได้ ใครจะทูลถามพระองค์ว่า พระองค์ทรงทำอะไร” บทรำพึงรำพันของโยบตอนนี้ ช่างโดนใจฉันเสียจริงเชียว ฉันมักจะพูดเล่นถึงตัวเองกับคนใกล้ชิดว่า ฉันใกล้เกษียณแล้ว ฉันไปเดินเรื่องลงทะเบียนเป็นผู้สูงอายุเรียบร้อยแล้ว ในปีหน้า พุทธศักราช 2562 ชื่อ-นามสกุลของฉันจะข้ามฝั่งไปรวมกับกลุ่มคนชรา ฉันจะได้รับเบี้ยยังขีพเพื่อผู้สูงอายุจากแผ่นดินถิ่นเกิด..ประเทศไทยที่รัก ฉันคุยติดตลกว่า เงินหกร้อยบาท..งวดแรก ฉันจะเป็นเจ้าภาพ ปิดซอยเลี้ยง ใครเป็นคนต้นคิดแบ่งชีวิตคนหนุ่มสาวออกจากคนชราที่ตัวเลข 60 ถ้าขุดคุ้ยที่มาก็น่าจะได้คำตอบ แต่อาจไม่จำเป็น ฉันมีประเด็นที่สำคัญกว่าคือ ใครบอกได้ว่า ชีวิตเดินมาถึงครึ่งทางเมื่ออายุได้ 60 ปี และคนชราจะมีโอกาสก้าวเดินต่อไปอีก 60 ปีหรือ แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่ว่ามา เส้นทางชีวิตของคนชรา..ย่อมสั้นกว่าชีวิตที่ผ่านมาแล้ว ฉันเคยบอกตัวเองว่า..ชีวิตที่ผ่านมา ฉันใช้มันแล้วอย่างคุ้มค่า ฉันผ่านร้อน ผ่านหนาวมาไม่น้อย ถึงตายไปก็ไม่เสียดายชีวิต พูดได้ว่า เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ที่เหลือคือกำไรของชีวิต พูดแล้วก็ต้องเม้มริมฝีปากตัวเอง ฉันหมายความอย่างที่พูดจริงๆ หรือ เพราะชีวิตไม่ใช่ธุรกิจ ไม่ใช่การลงทุน จะมีกำไร ขาดทุน เท่าทุน หมดตัว ล้มละลาย ได้อย่างไรกัน หลักการทางศาสนาของเราสอนว่า ชีวิตคือพรที่พระประทานให้ พระองค์ทรงสร้างชายและหญิงตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ฉันดำเนินชีวิตสะท้อนพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ บางครั้งพระฉายาก็มองดูเด่นชัด แต่มีบ่อยครั้ง ฉันก็ทำให้พระฉายานั้นขุ่นมัว มองเห็นแต่รางๆ บางทีหลังเกษียณ ฉันต้องทำพันธกิจให้เข้มข้นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งในงานอภิบาลและในงานแพร่ธรรม ความจริงแล้ว..ฉันมีแผนอยู่ในใจ บอกไปคงยากที่จะเชื่อ แต่ที่รู้ๆ ฉันจะไม่อยู่อีก 60 ปีแน่นอน ชีวิตฝ่ายกายคงไม่ง่ายในยามชรา ต่อให้คิดว่า..จะเป็นคนชราอย่างมีคุณภาพก็ตามที บอกลา 60 ปี ภาคสอง กันตรงนี้เลยค่ะ |