"พระเจ้าข้า..มีฉลองสงกรานต์บนสวรรค์ไหมเอ่ย"

ปัจจุบัน ปฏิทินไทยกำหนดให้เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการต่อเนื่องกันมาช้านานแล้ว สังคมไทยเปิดโอกาสให้คนไทยเราเดินทางกลับไปแสดงความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่ พบปะกับญาติพี่น้อง ณ ภูมิลำเนาของตนเอง

ฉันสังเกตว่า ช่วงเทศกาลนี้ การเดินทางของคนไทยกลายเป็นการเคลื่อนตัวของมวลชนชาวไทยกว่าค่อนประเทศ ฟังจากรายงานข่าวทุกช่องทาง ล้วนนำเสนอในสำเนียงเดียวกันหมดว่า..รถติด รถแน่นบนถนนทุกเส้นทาง คนในกรุงเดินทางออกต่างจัดหวัดกันทุกสาย มีการเตือน และมีมาตรการออกมามากมาย ให้ขับขี่ด้วยความปลอดภัย มีสติ เมาไม่ขับ ห้ามดื่มสุรา สารพัดกฎเกณฑ์ แต่แล้ว...ข่าวเศร้าก็เกิดขึ้นทุกปี ในช่วงเทศกาลนี้ หลายคนจบชีวิตลงในเทศกาลแห่งความสุขสนาน จากแบบไม่ร่ำลา ฉันไม่อยากจินตนาการว่า..บนสวรรค์มีการจัดงานรับน้องใหม่ให้กับเพื่อนชาวสวรรค์ในเทศกาลนี้หรือเปล่า คนดีมีธรรม..จะได้รับการตอบแทนในชีวิตนิรันดร์..ด้วยการเตรียมตัวดี แล้วเพื่อนพี่น้องคนไทยที่จบชีวิตบนโลกนี้แบบกระทันหัน ไม่มีโอกาสเตรียมตัวล่ะ..พวกเขาไปสวรรค์กันง่ายๆ ไหม เบื้องบนเท่านั้นที่จะมีคำตอบ เทศกาลสงกรานต์จึงเป็นเทศกาลแห่งการถวายคำภาวนาด้วยเช่นกัน

ฉันมองกลับเข้ามาสู่เทศกาลมหาพรตของเราคริสตชน แต่ละปี ปฏิทินพระศาสนจักรในช่วงเทศกาลมหาพรต โดยเฉพาะสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ บางปี ก็มักจะคาบเกี่ยว..พัวพัน..กับการสนุกสนาน รื่นเริง ของเทศกาลสงกรานต์นี้บ้างไม่มากก็น้อย แต่มาปีนี้ ไม่อยากจะเชื่อ ปฏิทินไทยกับปฏิทินพระศาสนจักรหมุนเวียนมาตรงกันอย่างยากจะทำใจ ถึงกับมีคำแนะนำว่า..สามารถอดเนื้อ ภาวนา พลีกรรม ในวันเวลาหรือวิธีที่เหมาะสม เพื่อเห็นแก่ความสุขของคริสตชนไทย การปรานีปรานอมนี้ ตีความง่ายๆ ว่า อนุโลมให้หลีกทางกับกิจกรรมศรัทธาในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ จะอดเนื้อ ภาวนา พลีกรรม ตรงวันก็ได้ ก่อนวันก็ได้ หรือหลังวันก็ได้ หรือด้วยวิธีอื่นๆ ก็ได้เพื่อสร้างบรรยากาศในเทศกาลแห่งความสุขในครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง มิตรสหาย

จริงสินะ มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม เมื่อพบปะกัน การกินเลี้ยง การร่วมกิน ร่วมดื่ม เป็นกิจกรรมสำคัญลำดับต้นๆ แม้องค์พระเยซูเจ้าเอง สมัยเมื่อพระองค์เสด็จลงมาดำเนินชีวิตท่ามกลางมนุษยชาติ พระองค์ก็ให้ความสำคัญกับงานเลี้ยง และการรับประทานอาหารร่วมกันมากด้วย

ใกล้ตัวเข้ามาอีก คณะรักกางเขน แห่ง จันทบุรี ของฉัน หักลบจำนวนสมาชิกบนโลกนี่ ไปอีกหนึ่งรายชื่อ ซิสเตอร์คัธรีน อุมาภรณ์ ทวีการ หรือ ซิสเตอร์หน่อย ของพวกเรา อายุเพียง 47 ปีของซิสเตอร์หน่อย กับชีวิตที่บวชเรียนมา ซิสเตอร์หน่อยทำแต่กิจการดีงาม งานตัดเย็บเสื้อหล่อพระสงฆ์ ชุดซิสเตอร์ คนแล้วคนเล่า แค่หลับตาคิดว่า พระสงฆ์นักบวชสวมใส่ชุดที่ซิสเตอร์หน่อยตัดให้เดินไปมา ทำมิสซา ไปสอนคำสอน ไปทำงานอภิบาลแพร่ธรรม สอนเรียน ฉันก็อดอิจฉาสวรรค์ไม่ได้ ยกซิสเตอร์หน่อยไปเร็วเกินไป ชาวสวรรค์ใช่จะต้องการช่างตัดเย็บ แต่ภาพที่ซิสเตอร์หน่อยนอนหลับตาบนเตียง...ลมหายใจแผ่วเบา..คืนลมหายใจนั้น..กลับสู่อ้อมอกพระบิดาเจ้า ในตอนสายของวันอาทิตย์ใบลาน มีเพื่อนสมาชิกรอบๆ สวดภาวนาให้ โอ้บาปอิจฉาที่บริสุทธิ์ของฉัน ซิสเตอร์หน่อยคิดถึงพวกเรา คิดถึงลูกค้าที่ซิสเตอร์หน่อยเคยตัดชุดให้สวมใส่ด้วยนะคะ

--กลับสู่ "บทความ..เก็บตกชีวิต"--